การมีส่วนร่วมของชุมชนในการจัดการความเร็ว
บนถนนในชนบท
.........................................................................................
โดยใช้วิธีการศึกษาและวิเคราะห์ตามหลัก Content analysis
โดยจำแนกเป็นหมวดหมู่ดังนี้
1.สถานการณ์โดยภาพรวม
1.1
ปัจจัยและผลกระทบที่ส่งผลต่อความเร็วในการขับขี่ยานพาหนะ
สถานการณ์โดยภาพรวมของปัญหาความเร็วในชุมชน โดยเฉพาะชุมชนชนบท พบว่า เมื่อสังคมชนบทมีการขยายตัวและมีการกลายเป็นเมือง (urbanization) มากขึ้นส่งผลให้ชุมชนชนบทมีความคับคั่งของยานพาหนะมากขึ้น ในขณะเดียวกันการเกิดอุบัติเหตุในถนนของชุมชนนั้นสาเหตุหลักมาจากการชำรุดของถนน เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นพบว่าค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเพิ่มมากขึ้นในแทบทุกปี ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาล,การสูญเสียผลผลิตในการทำงาน และค่าใช้จ่ายที่เกิดกับการใช้บริการการแพทย์ฉุกเฉิน ในขณะเดียวกันลักษณะการชนมีความสัมพันธ์กับความเร็ว และการชนที่เกิดจากความเร็วคิดเป็นร้อยละ 18 ของการชนที่เกิดอุบัติเหตุ ความเสียหายจากการชนที่เกิดจากความเร็วมีค่าใช้จ่ายประมาณ 40.4 ล้าน ดอลล่าร์ สหรัฐในทุกปี ในหลายๆประเทศกำลังพัฒนาหรือประเทศที่มีรายได้ปานกลางมักจะประสบปัญหาจากความสูญเสียจากอุบัติเหตุ ในขณะเดียวกันความเร็วที่ก่อให้เกิดการชนกันก็ยากที่จะทำนายได้, ความเร็วเป็นปัญหาที่ซับซ้อน และเกี่ยวข้องกับการปฏิสัมพันธ์ในหลายๆปัจจัย เช่น ทัศนคติ พฤติกรรมของผู้ขับขี่ยานพาหนะ,การออกแบบของถนน และการบังคับใช้กฎหมาย โดยส่วนใหญ่ประมาณ 70 % ของรถมอเตอร์ไซค์ มีการขับขี่ด้วยความเร็วมากกว่าที่กฎหมายกำหนด การเปลี่ยนแปลงของสังคมและเทคโนโลยีเป็นต้นเหตุของการขับขี่ด้วยความเร็ว อัตราความเร็วและการชน มักจะเกิดขึ้นโดยเฉลี่ย กับผู้ขับขี่10,000 กับระยะทางประมาณ 970 กิโลเมตร บนถนนทางหลวงชนบท,ความกว้างของถนน และจำนวนช่องทางจราจรเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเลือกอัตราความเร็วในการขับชี่ยานพาหนะ รวมถึงปัจจัยเชิงสิ่งแวดล้อม การเพิ่มขึ้นของมอเตอร์ไซค์ และการพัฒนาทางเศรษฐกิจส่งผลต่อความต้องการเพิ่มขึ้นของการสร้างถนน และการสร้างถนนที่ได้มาตรฐานจะช่วยลดระยะเวลาในการเดินทางและลดความแออัด 1 ใน 3 ของปัจจัยการเกิดอุบัติมาจากความเร็วในการขับขี่ และ การเร่งความเร็วที่เพิ่มขึ้น คือ การเร่งการเสี่ยงบนท้องถนน การวิจัยบ่งชี้ว่า อัตราการบาดเจ็บบนท้องถนนเพิ่มขึ้น 5 % ใน 1 ไมล์/ชั่วโมง ความเร็วที่เกินกำหนด ในขณะที่ผู้ขับรถดื่มแอลอกอฮอล์เป็นสาเหตุขอการชนบนท้องถนน OECD ประมาณการว่า ความเร็วเป็น 1 ใน 3 ของปัจจัยที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนถนน ในประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ได้ให้ความสำคัญต่อความปอลดภัยบนถนนชนบท เป็นประเด็นหลัก ในปี ค.ศ. 1999-2003 60 % ของการเกิดอุบัติเหตุเกิดบนถนนในชนบท ในขณะที่ 70 % ของอุบัติบนถนนชนบทพบในประเทศนิวซีแลนด์ จำนวนการเกิดอุบัติเหตุที่เกิดจากการชนบนถนนในชนบทของประเทศออสเตรเลียประมาณ 893 ครั้ง/ปี (1999-2003) ในขณะที่ประเทศนิวซีแลนด์พบว่าอุบัติเหตุจากการชนบนถนนชนบทประมาณ 278 ครั้ง/ปี
ภาพการออกแบบระบบการลดความเร็วรถยนต์ภายในเขตชั้นในของนิวยอร์ค |
ที่มา: New York City Department of Design and Construction, Active Design Guidelines Promoting Physical Activity and Health in Design, 2010
1.2 ข้อจำกัด/ปัญหาและอุปสรรคในการควบคุมความเร็ว
ที่มา : ThaiMAB.com |
การดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความสนใจต่อสาเหตุการชนแต่ไม่ได้ให้ความสนใจในแง่ความรุนแรงของการชน
และเมื่อจำแนกข้อมูลทางสถิติก็มักจะไม่ปรากฏกรณีที่กล่าวถึงเรื่องความรุนแรงในการชน การควบคุม ความเร็ว มักจะใช้รูปแบบการจัดการแบบเดิมที่ไม่มีประสิทธิภาพ
ในขณะเดียวกันการควบคุมความเร็วก็ไม่สามารถที่จัดการได้อย่างเหมาะสมในทุกที่และทุกเวลา
เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรม และทัศนคติของผู้ขับขี่
เกิดปัญหาความสับสนในการส่งสารที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมความเร็ว ประมาณ 15 % อุบัติเหตุจะเกิดขึ้นบนถนนในชนบท และประมาณ 15-20%
การชนกันเกิดขึ้นในถนนในชนบท การขาดนโยบายความปลอดภัยบนถนนที่ชัดเจน
ส่งผลให้เกิดการขาดการจัดการความปลอดภัยบนถนนชนบท
1.3
แนวทางการจัดการความเร็วบนถนนชุมชน
การจัดการความเร็วต้องอาศัยนโยบายที่ผสมผสานและเหมาะสมสำหรับการดำเนินการในขณะเดียวกันต้องไม่มีเพียงมาตรการเดียวในการลดความเร็วของยานพาหนะบนถนน
การจัดการความเร็วเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการปรับปรุงความปลอดภัยบนถนน
แต่ไม่ใช่งานที่ง่ายนัก และยากต่อการตอบคำถามว่า “จะทำอะไร” และ “ที่ไหน”การให้นิยามถนนในชนบท
คือ เป็นถนนที่กำหนดอัตราความเร็วในการขับขี่ไม่เกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมงอาจจะต้องมีการพิจารณาเพิ่มเติมในแง่ของความหนาแน่นของประชากร
และการเข้าถึงของการให้บริการทางการแพทย์ฉุกเฉินด้วย
2.สาเหตุ/ปัจจัยเชิงพฤติกรรม
เชิงกายภาพ
2.1 เชิงกายภาพ (ยานพาหนะ,สภาพแวดล้อม,โครงสร้างของถนน)
2.1 เชิงกายภาพ (ยานพาหนะ,สภาพแวดล้อม,โครงสร้างของถนน)
- ความเร็วที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการเดินทางในระยะทางไกล
- ความสับสนของป้ายจำกัดความเร็วส่งผลต่อผู้ขับขี่และการรุกล้ำเส้นขอบถนนเข้าไปบริเวณภูมิทัศน์ส่งผลต่อการเกิดอุบัติเหตุ
- การเพิ่มขึ้นของความรุนแรงของอุบัติเหตุเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของความเร็วในการขับขี่ยานพาหนะบนถนนในชนบท
- การเพิ่มขึ้นของยานพาหนะและความคับคั่งส่งผลต่อการเกิดอุบัติเหตุบนถนนในชุมชน
- สภาพภูมิอากาศ แสงสว่าง จำนวนทางแยก ทางตรง
ทางโค้ง โค้งข่ายของถนนที่มีระยะทางที่ยาวเกินไป
- การเดินทางโดยลำพัง พื้นผิวถนนที่เป็นดินกรวด
ผุ่น และ เส้นทางการสัญจรของสัตว์ป่าหรือสัตว์เลี้ยงล้วนแต่เป็นปัจจัยที่ก่อให้อุบัติเหตุบนถนนในชนบท
-
สภาพของรถยนต์ที่ออกแบบให้เกิดสะดวกสบายในการขับขี่ยานพาหนะมีความสัมพันธ์กับการรับรู้เรื่องความเร็วในการขับขี่
2.2
เชิงพฤติกรรม
-
การจำกัดความเร็วที่กำหนดค่าเดียวกันบนถนนทุกถนนทำให้ผู้รับสารเกิดความผิดพลาดในถนนที่มีบริบทที่แตกต่างกัน
-
การแข่งขันการประชาสัมพันธ์รถใหม่ที่ระบุว่าเร่งความเร็วในสูง ส่งผลต่อการขัดแย้งเชิงนโยบายของรัฐบาลในเรื่องความปลอดภัยบนถนน
-
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเพิ่มความเร็วของผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ ได้แก่ เพศ อายุ
ทัศนคติ และการรับรู้เรื่องความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ, การบังคับใช้กฎหมาย,ระยะเวลาในการเดินทาง,การมี/ไม่มีผู้โดยสาร,ความใหม่ของยานพาหนะ,วัตถุประสงค์การเดินทาง,ประสบการณ์ในการขับขี่
-
ทัศนคติของผู้ขับขี่ที่คิดว่าการขับรถด้วยความเร็วจะช่วยประหยัดเวลาในการเดินทาง
หรือ
ต้องการจะโชว์ให้ผู้อื่นเห็นว่าคนเองมีประสบการณ์หรือมีความเชี่ยวชาญในการขับรถ ตลอดจนค่านิยมส่วนบุคคลมีผลต่อการขับขี่ด้วยความเร็ว,ความเชื่อของผู้ขับขี่ที่คิดว่าเป็นการยากที่จะควบคุมการขับรถด้วยความเร็วที่จำกัด
หรือ ที่เหมาะสม ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่มักจะขับขี่ด้วยความเร็วเกินกำหนดด้วยสาเหตุจากสภาพอากาศ
เช่น ฝนตก หมอก ควัน หรือ ต้องการหลีกหนีจากการติดขัดทางจราจร หรือทัศนคติของผู้ขับขี่ด้วยความเร็วสูง
คือ การให้รางวัลกับตัวเองในระยะทางสั้นๆของการเดินทาง
-บุคลิกของผู้ขับขี่ยานพาหนะที่ก้าวร้าว
ชอบการแข่งขัน ล้วนแต่ส่งผลต่อพฤติกรรมการขับขี่
-
ผู้ขับขี่มักจะสูญเสียการควบคุมรถ หรือ ไม่สามารถป้องกันอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดได้
ในระยะเวลาที่ผู้ขับขี่คิดว่ากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ดี สบายๆ
และมักจะทำให้ตัดสินใจผิดๆในการเพิ่มความเร็วในการขับขี่
-
การขับขี่ยานพาหนะและเดินทางเพียงลำพังจะส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกความเร็วในการขับขี่
-
ความผิดพลาดในการตัดสินใจ หรือ คาดคะเน ของผู้ขับขี่ แปรผันกับ ความเหนื่อยล้าของผู้ขับ,การดื่มแอล
กอออล์หรือ
ใช้สารเสพติด, ผู้ขับขี่ที่อายุต่ำว่า 25 ปี หรือ ผู้สูงอายุ (มากกว่า60ปี)
- อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการเพิ่มความเร็วในการขับขี่,การไม่คาดเข็มขัดนิรภัย,การขับรถบนถนนที่ไม่ชำนาญเส้นทาง
3.ผลกระทบ
อัตราการเกิดอุบัติเหตุและความรุนแรงในการเกิดอุบัติเหตุ : การเพิ่มความเร็วเฉลี่ย 10% จะทำให้อัตราการเกิดอุบัติจากการชนเพิ่มขึ้นประมาณ 26 % และ 30 % สำหรับความรุนแรงจากอุบัติเหตุที่เกิดจากการชน,-ความเร็วเป็นปัจจัยที่สำคัญประมาณ 30 % ของอุบัติเหตุในการชนและก่อให้เกิดการเสียชีวิตและ
เป็นสาเหตุ 12 % สำหรับเหตุของการชนทั้งหมด,ผู้สัญจรทางเท้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุ
โดยหากผู้ขับขี่ขับรถด้วยความเร็ว 20mph จะมีเพียง 1 คนใน 20
คนเท่านั้นที่เสียชีวิต
แต่อุบัติเหตุส่วนใหญ่พบว่าเป็นอุบัติเหตุเล็กน้อยและมีเพียง 3 ใน 10 คน
ที่ได้รับบาดเจ็บ ในขณะที่ขับที่ความเร็ว 30 mph เกือบ 50 % ของผู้สัญจรทางเท้าจะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ และที่ 40 mph ผู้สัญจรทางเท้าจะเสียชีวิตเกือบทั้งหมด,ผู้ขับขี่ที่ยังเป็นวัยรุ่น
ส่วนใหญ่มักจะมีท่าที่ในการแสดงออกถึงพฤติกรรมการขับขี่ยานพาหนะด้วยความเร็ว
และเมื่อเกิดอุบัติเหตุการชน ส่วยใหญ่มักจะเสียชีวิต,กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีอัตราการรอดชีวิตน้อยเมื่อเกิดอุบัติเหตุการชนเกิดขึ้นจากยานพาหนะ
ได้แก่ กลุ่มผู้สัญจรทางเท้า ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ขนาดเล็ก (น้อยกว่า 50 ซีซี)
และรถมอเตอร์ไซค์ และส่วนใหญ่เกิดกับกลุ่มคนอายุ 17-25 ปี , 26-39 ปี และ 40-59 ปี
โดยส่วนใหญ่เป็นเพศชาย
ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม : การขับรถด้วยความเร็วส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
4.มาตรการที่ดำเนินการ
การกำหนดแผน
: รัฐบาลจัดทำแผน 10 ปี เพื่อความปลอดภัยบนถนน ภายใต้ชื่อ “Tomorrow’s
Roads-safer for everyone”, -สร้างแนวปฏิบัติการจัดการความปลอดภัยบนถนนให้กับองค์กรปกครองระดับท้องถิ่น,
สร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนในการจัดทำแผนพัฒนาระบบการจราจรของท้องถิ่น
หน่วยงานของรัฐทั้งในระดับชาติหรือระดับท้องถิ่นจะต้องกำหนดยุทธศาสตร์และนโยบายและ
กำหนดวิธีการบรรลุซึ่งผลลัพธ์ของยุทธศาสตร์
ยุทธศาสตร์ : การจัดการความปลอดภัยบนถนนต้องดำเนินการภายใต้ยุทธศาสตร์ 5 E ได้แก่ 1.Education เช่น การให้การศึกษาเรื่อง safer
driving with age : SAGE ได้แก่
การให้โอกาสแก่ผู้ขับขี่ที่สูงอายุได้รับความรู้ในเรื่องการจัดการความเร็ว 2. Engineering
3.Enforcement 4. Encouragement 5.Evaluation หรือบางประเทศ เช่น
สวีเดนกำหนด ยุทธศาสตร์ vision zero ประเทศเธอร์แลนด์
กำหนดยุทธศาสตร์ การพัฒนาที่ยั่งยืนที่ปลอดภัย (sustainability safety) ในออสเตรเลีย กำหนด ยุทธศาสตร์ ระบบที่ปลอดภัย (safe system),จัดให้มีคณะกรรมการชุมชนในดำเนินการร่วมกับรัฐบาลท้องถิ่นในการส่งเสริมถนนปลอดภัย
วิธีการ : สร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนในการกำหนดปัญหา และผลักดันให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพัฒนาแผนและในการแก้ไขปัญหา และร่วมกันค้นหาความเร็วที่เหมาะสมบนถนนของชุมชนโดยประชาชนเป็นผู้กำหนด โดยเริ่มต้นจากการสำรวจความต้องการของชุมชน, การร่วมกันกับผู้นำท้องถิ่นในการกำหนดความเร็วขั้นต่ำที่เหมาะสม,การนำเสนอข้อมูลเรื่องค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดูแลผู้ประสบอุบัติเหตุและการรักษาพยาบาลโยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับค่ารักษาพยาบาลจากการบาดเจ็บด้วยอุบัติเหตุ รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่ายาและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ ค่ารถบริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน , ค่าเสียโอกาส,ค่าการดำเนินการตามกฎหมาย,ค่าประกันภัยจากอุบัติเหตุ และความเสียต่อทรัพย์สินอื่นๆ เพื่อสร้างความตระหนักร่วมในการจัดการความเร็วในชุมชน, เพิ่มความตระหนักต่อผู้ใช้รถใช้ถนนในผลเสียหายที่เกิดขึ้นจากการขับรถด้วยความเร็ว และการเพิ่มความเร็วในการขับขี่เป็นประเด็นที่มีความสำคัญต่อผู้อาศัยในชุมชน,สร้างความรับผิดชอบร่วมกันกับบริษัทที่ผลิตยานพาหนะในการรับผิดชอบต่อพฤติกรรมผู้ขับขี่ยวดยาน,เรียกร้องให้เกิดการทำงานร่วมกันของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการจัดการการจราจรในชุมชน,การให้การศึกษาแก่ผู้ขับขี่หน้าใหม่ หรือ ผู้เริ่มขับขี่ยานพาหนะ ผ่านโครงการที่เรียกว่า “Wise Drive” การขับรถด้วยความฉลาด ที่ดำเนินการโดยตำรวจและภาคีเครือข่าย โดยมีเป้าหมายในการให้การศึกษาแก่บุคคลที่อายุประมาณ 15-16 ปี และเป็นกลุ่มที่อันตรายในการขับขี่ ตลอดจนสร้างความรับผิดชอบในการขับขี่ยานพาหนะก่อนที่เขาจะสตาร์ทรถออกเดินทาง ,การกำหนดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้ขับขี่ต้องการการกำหนดมาตรการดำเนินการที่เหมาะสมและเป็นไปได้ในการจัดการปัญหาความเร็ว,การสร้างข้อตกลงหรือคำมั่นสัญญาร่วมกันกับสาธารณะในการบังคับใช้ความเร็วบนโครงข่ายถนนโดยรัฐบาล
เครื่องมือ : .ใช้การสำรวจเพื่อประเมินสถานการณ์ร่วมกัน,ใช้ฐานข้อมูลความเร็วเป็นเครื่องมือในการติดตามและประเมินผล
มาตรการการลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนขับรถเร็วเกินกำหนดด้วยการลงโทษและจัดโปรแกรมให้การศึกษาควบคู่ไปด้วย
การแบ่งเขตพื้นที่ทีควบคุมความเร็วพิเศษ
หากผู้ใดฝ่าฝืนจะได้รับการลงโทษที่เพิ่มขึ้นจากเดิม
การให้การศึกษา : ทั้งในระบบโรงเรียนและการศึกษานอกระบบโดยจัดให้มีการให้การศึกษาในเรื่องการจัดการความเร็ว
จัดโปรแกรมให้การศึกษาเรื่องความเร็ว
การส่งเสริมการศึกษาควรกำหนดเป้าหมายหลักที่เด็ก เนื่องจากเป็นกลุ่มที่เปราะบางที่สุดของการใช้รถใช้ถนน,
การจัดโปรแกรมสร้างความจำเรื่องประเภทของถนนและความเร็วที่เหมาะสมแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน
และการเลือกความเร็วที่เหมาะสมในสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน
การประชาสัมพันธ์ : ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโทรทัศน์/วิทยุ/แผ่นพับ และสื่อสารข้อมูลสู่สาธารณะ
ส่งเสริมสนับสนุนให้มีขับด้วยความเร็วที่กฎหมายกำหนด ในประเด็น
การจำกัดความเร็วที่กำหนดใหม่ ควรแจ้งให้ทราบถึงระยะที่ปลอดภัยของการหยุดรถ
ตลอดจนประโยชน์ที่เกิดในการจำกัดความเร็วด้วยตัวเลขใหม่
ตลอดจนนำเสนอต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในชุมชน สร้างความประทับใจในการดำเนินงานของตำรวจเพื่อลดความกดดันในการบังคับใช้กฎหมาย
รณรงค์การดื่มไม่ขับ การออกแบบการประชาสัมพันธ์โปรแกรมการจัดการความเร็ว
ควรเริ่มต้นจาก
1.ประชาสัมพันธ์
แจ้งเพื่อทราบการขับรถในที่สาธารณะที่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายบนถนน
2. จำแนกประเภทของผู้ขับขี่ที่อาจทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยบนถนน
3.
การบังคับใช้กฎหมายจราจรจะช่วยบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้นบนถนนได้
4.ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อ
โดยข้อความที่สื่อสารแบบเฉพาะเจาะจง และหวังผล โดยการสร้างสโลแกนที่จำได้ง่าย ผ่านวิทยุท้องถิ่น
แจกโปสเตอร์ หรือ ใบปลิว ที่สามารถติดหลังรถได้ และจัดส่งสื่อประชาสัมพันธ์ที่บริษัทที่จ้างพนักงานขับรถเพื่อกระจายข่าวประชาสัมพันธ์ถึงพนักงานขับรถในบริษัท
และส่งเสริมให้นายจ้างที่จ้างพนักงานขับรถเข้าใจถึงหน้าที่และเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความปลอดภัยบนถนน
และเป็นอาชีพที่เสี่ยงบนถนนอีกอาชีพหนึ่ง ตลอดจนใช้กระบวนการตลาดเพื่อสังคม (Social Marketing) มาช่วยเป็นหลังในการขับเคลื่อนการสร้างความปลอดภัยบนถนนรณรงค์ประชาสัมพันธ์จัดโครงการที่เน้นการขับขี่ยานพาหนะในความเร็วที่เหมาะสม5.ข้อเสนอแนะ
1.พัฒนาระบบของชุมชนในการกำหนดความเร็วที่เหมาะสมสำหรับย่านชนบท
สร้างระบบชุมชนในการสนับสนุนความปลอดภัยบนถนนในชุมชน
2.จัดลำดับชั้นของถนนในชนบทเพื่อการจัดการความเร็วที่ต่างระดับกัน
3.เพิ่มและเชื่อมโยงประเด็นความเร็วที่มีผลกระทบสภาวะโลกร้อนและการสูญเสียพลังงาน
4.จัดการความเร็วภายใต้หลักการขั้นต่ำ 3
E
ได้แก่ engineering, enforcement, education
5.สร้างความตระหนักแก่ผู้ขับขี่ยานพาหนะในการใช้ความเร็วที่สอดคล้องกับป้ายเตือน
6.สร้างค่านิยมที่ถูกต้องแก่ผู้ขับขี่ในการทำความเข้าใจถึงค่าสูงสุดของความเร็วที่ขับขี่ได้แต่ไม่ใช่ค่าเป้าหมายที่ความเร็วจะต้องไปให้ถึง
7.นำสถาบันครอบครัวมาเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนความปลอดภัยบนถนน
8.พัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายที่ผสมผสานระหว่างนโยบายการจัดการความเร็วและผสมผสานกับนโยบายอื่นเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
10.
พัฒนาระบบวิจัยอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากถนนในชนบท และติดตามถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น
ค้นหาแนวโน้มของการชน และสาเหตุของการบาดเจ็บ
11.สร้างหรือค้นหาองค์ความรู้ของชุมชน
และตั้งอยู่บนฐานวัฒนธรรมชุมชนในการทำความเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นจากการขับขี่รถด้วยความเร็วเกินกำหนด
และหาแนวทางการแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
เอกสารอ้างอิง; การทบทวน
review เอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมของชุมชนในการจัดการความเร็วบนถนนในชนบทโดยใช้วิธีการศึกษาและวิเคราะห์ตามหลัก
Content analysis โดยจำแนกเป็นหมวดหมู่
1.Website
2.เอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
·
European Transport Safety Council.
Managing Speed towards Safe and Sustainable Road Transport. Brussels, 2008
·
ORGANISATION FOR ECONOMIC
CO-OPERATION AND DEVELOPMENT.SPEED MANAGEMENT.2006
·
Michael Paine. RESEARCH REPORT RR
5/96 Speed Control Devices for Cars Roads and Traffic Authority Road Safety
& Traffic Management .1996
·
Minnesota Department of
Transportation. Research Services Section Evaluating the Effectiveness of the
Minnesota Speed Management Program. 2007
·
Global Road Safety Partnership. Speed
management: a road safety manual for decision – makers and practitioners.
Switzerland, 2008
·
Wisconsin Transportation Bulletin •
No. 21. Setting Speed Limits on Local Roads
·
TRANSPORTATION RESEARCH BOARD.1998.
MANAGING SPEED Review of Current Practice for Setting and Enforcing Speed
Limits. NATIONAL ACADEMY PRESS
WASHINGTON,D.C.
·
Essex County Council, Traffc
Management and Policy Team .2010.Essex Strategy Speed Management. United
Kingdom.
·
U.S. DEPARTMENT OF TRANSPORTATION.
2005. Speed Management Strategic Initiative, U.S. DOT Speed Management Team.
·
Speed management — 50km/h local
street speed limit public education campaign
·
Audtroads.2009. Guide to road safety
Part 4 : Local government and community Road safety. Austroads Incorporated,
Australia.
เรียบเรียงโดย :
ดร.กนกพร รัตนสุธีระกุล คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
เรียบเรียงโดย :
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น